OWNDAYS MEETS vol. 09 HITOSHI UEDAสถาปนิก

แขกรับเชิญคนที่ 9 ของ OWNDAYS MEETS เคยเข้าไปมีส่วนร่วมในการวางผังเมืองของเมืองและภูมิภาคมาแล้วมากมาย ทั้งยังเคยออกแบบและดูแลการก่อสร้างอาคารทั่วโลก เขาคือ Hitoshi Ueda สถาปนิกที่วางเป้าหมายเอาไว้ว่า เขาจะสร้างสถาปัตยกรรมที่เติมเต็มความรู้สึกของผู้คน ในครั้งนี้ เขาได้มาบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเส้นทางในการสร้างสรรค์ผลงานอันหลากหลายและเส้นทางในอนาคต

HITOSHI UEDA

HITOSHI UEDA

สถาปนิก

Hitoshi Ueda เกิดที่ชิบุย่า กรุงโตเกียว ปี 1963 และจบปริญญาตรีสาขาสถาปัตยกรรมจากมหาวิทยาลัยศิลปะทามะเมื่อปี 1987
ในปีเดียวกัน เขาได้เข้าไปทำงานในฝ่ายออกแบบของบริษัทผู้รับเหมาทั่วไปแห่งหนึ่ง โดยได้รับมอบหมายให้ทำงานในสตูดิโอออกแบบ ในปี 1998 เขาดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายออกแบบของ Kisho Kurokawa Architect & Associates และต่อมาได้เป็นกรรมการคนหนึ่งของบริษัท Kurokawa CAD Center และบริษัท Urban Research
Hitoshi Ueda เคยเข้าร่วมการแข่งขันออกแบบมาแล้วมากมาย นอกจากนี้ยังรับผิดชอบโครงการขนาดใหญ่ ตั้งแต่การวางผังเมืองไปจนถึงสถาปัตยกรรมทั้งในประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย จีน และไต้หวัน
ในปี 2003 Ueda ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการของ Kisho Kurokawa Architect & Associates ก่อนจะลาออกในปี 2005
ในปี 2006 เขาได้ก่อตั้งและดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการของบริษัท SO Architects & Associates (ได้รับใบรับรองสถาปนิกระดับหนึ่ง) และเปิดสำนักงานในลอสแอนเจลิสและไต้หวันเมื่อปี 2007
ในปี 2008 เขาได้ทำอัลบั้มเพลงแจ๊สโดยใช้กระบวนการผสมผสานเพื่อสื่อแนวคิดของ "ความทรงจำในอดีต" และ "การสร้างอนาคต" ผ่านบทเพลง ซึ่งเป็นแนวคิดที่เห็นได้จากสถาปัตยกรรมของเขาด้วย
ในปี 2011 เขาดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาของ NPO “Forum for Family Office" ต่อมาในปี 2013 เขากลายเป็นที่ปรึกษาให้แก่ NACRE Global Asset Protection (Switzerland) AG และทำอัลบั้มเพลงแจ๊สชุดที่ 2 ชื่อ “Love Score”

คุณมาเป็นสถาปนิกได้อย่างไร

ผมชอบวาดภาพและดนตรีมาตั้งแต่เรียนอนุบาลครับ ส่วนพ่อแม่ผมก็ทำงานอยู่ในวงการสถาปนิกและการก่อสร้าง ดังนั้น เราก็เลยมักจะมีแบบแปลนและหนังสือเกี่ยวกับอาชีพนี้อยู่รอบบ้าน ผมชอบวาดเส้นบนหนังสือพวกนี้โดยใช้ไม้บรรทัดของสถาปนิก แล้วก็ใช้มันเป็นของเล่นอย่างหนึ่งเลย นอกจากนี้ ผมยังชอบไปดูการก่อสร้างกับพ่อแม่เป็นประจำ ดังนั้น แทนที่ผมจะตัดสินใจว่าผมจะเป็นสถาปนิก มันกลายเป็นว่าผมสนใจอาชีพนี้เองไปโดยธรรมชาติ

คุณเป็นนักเรียนแบบไหน

ผมเรียนวิทยาลัยศิลปะ ซึ่งโอกาสในการเดินทางไปต่างประเทศหรือไปดูสถาปัตยกรรมที่ตัวเองสนใจนั้นมีน้อยมาก ผมคิดอยู่เสมอว่าผมควรไปเห็นมันด้วยตา ไปดมกลิ่น ไปฟังเสียง และไปสัมผัสทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตัวเอง
ซึ่งมันเทียบกับอะไรไม่ได้เลย ไม่ว่าคุณจะดูภาพหรือโปสการ์ดมากแค่ไหนก็ตาม
แต่ตอนนั้น ผมมีงบน้อยมากครับ!

พอไปถึงฝรั่งเศส ผมก็รู้สึกว่าผมควรจะไปดูสิ่งต่าง ๆ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมจึงพยายามใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่าที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางด้วยรถประจำทาง หรือเดินเท้า ผมไปเที่ยวปารีส นีซ มอนติคาร์โล และไปไกลถึงโรม ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมได้ไปสัมผัสมาด้วยตากระตุ้นและสร้างความประทับใจอันทรงพลังในตัวผม ผมยังเก็บความทรงจำเหล่านั้นไว้จนถึงทุกวันนี้ และมันยังคงเป็นเข็มทิศนำทางในการออกแบบให้ผมด้วย

โบสถ์ Santa Chiara ในโตเกียวเป็นหนึ่งในผลงานการออกแบบล่าสุดของคุณ...

ใช่ครับ ผมออกแบบตามแนวคิดของโบสถ์กลางป่า ผมอยากให้คุณมองเห็นตัวโบสถ์ไม่ใช่เพราะมันตั้งอยู่บนถนน แต่เพราะมันอยู่ด้านหลัง
พื้นที่สีเขียวของโบสถ์จะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล ดังนั้นบุคลิกของโบสถ์ในแต่ละปีและในอนาคตก็ก็จะเปลี่ยนไปด้วย
นั่นคือเหตุผลว่าเพราะอะไรโบสถ์แห่งนี้จึงไม่มีวันสร้างเสร็จ ถ้าผมสร้างโบสถ์หลังนี้ด้วยวัสดุก่อสร้างปกติธรรมดา มันจะถาวรและไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แต่ผมคิดว่าพวกต้นไม้ทั้งหลายเปิดโอกาสให้คุณได้สนุกกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
ผมไม่ว่านะถ้าเด็ก ๆ อยากจะเล่นใบไม้หรือแม้แต่เด็ดมันออกมาจากต้น ถ้าโบสถ์หลังนี้สามารถกระตุ้นให้พวกเขาหันมาสนใจสถาปัตยกรรมได้ ผมก็มีความสุขมากแล้ว

คุณออกแบบโบสถ์หลังนี้ได้อย่างไร

ครับ ปกติแล้ว ผมจะออกแบบงานโดยเอามุมมองของผู้หญิงมาใช้อยู่บ่อย ๆ โบสถ์หลังนี้ก็เหมือนกัน ผมพยายามมองสิ่งต่าง ๆ ผ่านสายตาของผู้หญิงที่กำลังรู้สึกตื่นเต้นกับการสวมชุดแต่งงานและจัดพิธีแต่งงานขึ้นที่นี่
ถ้าผมไม่ทำแบบนี้ ผมคิดว่าผมคงไม่สามารถออกแบบอะไรได้เลย

เมื่อไม่นานมานี้ ผมออกแบบบาร์ในย่านกินซ่าของโตเกียว ผมเกิดความคิดขึ้นมาว่า เจ้าของและเครื่องดื่มควรจะเป็นศูนย์กลางของบาร์เพราะลูกค้ารักเจ้าของบาร์กันทุกคนในการออกแบบงาน ผมจะพยายามไม่ใส่ความคิดที่คนอื่นมองว่า "เจ๋ง" ลงไปหรือออกแบบเพื่อตัวเอง ผมอยากจะสร้างสิ่งที่ทำให้ผู้คนที่เดินทางมาใช้งานสถานที่แห่งนี้รู้สึกว่า นี่คือสถานที่แสนวิเศษและสบาย
ถ้าคนในตึกยิ้มและรู้สึกว่าได้รับการเติมเต็ม ผมจะรู้สึกว่านั่นแหละคือคำชม

ในการสร้างอะไรสักอย่าง สิ่งสำคัญคืออะไร

การสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ เป็นทีม เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับผม

ไม่ใช่แค่ในสถาปัตยกรรมเท่านั้นนะ แต่ในสาขาอื่นก็ด้วย ตัวอย่างเช่นตอนที่ผมทำซีดีเพลงแจ๊ส หรือตอนที่ผมพยายามจะเข้าไปช่วยเหลือผู้คนหลังเกิดแผ่นดินไหวในญี่ปุ่นเมื่อปี 2011 และทำเสื้อยืดที่ผมสวมอยู่ในตอนนี้ออกมา ถ้าจะเปรียบเทียบวิธีการทำงานของผมกับการทำเพลง ผมก็จะบอกว่า ผมจะไม่ทำตัวเหมือนเป็นนักร้องเดี่ยวที่พยายามจะสื่อความรู้สึกทั้งหมดของเพลงด้วยตัวคนเดียว
ถ้าจะเปรียบเทียบการทำงานของผมกับวงดนตรี ผมก็เปรียบเหมือนกับนักร้องที่ยืนอยู่ด้านหน้า แต่รอบ ๆ ตัวผมยังมีนักกีตาร์ มือกลอง มือเบส นักร้องคอรัส ซึ่งหากจะทำเพลงขึ้นมาสักเพลงหนึ่ง เราทุกคนต้องทำงานด้วยกัน

ทุกคนมีความสามารถจำกัด ผมเองก็ไม่สามารถทำทุกอย่างด้วยตัวเองได้ ผมก็เลยชอบสร้างอะไรเป็นทีม โดยไม่สนใจอายุหรือเพศของเพื่อนร่วมทีมเลยครับ

เป้าหมายในอนาคตของคุณคืออะไร

ผมอยากจะเป็นคุณลุงเจ๋ง ๆ ละ ฮ่า ฮ่า
ผมไม่ได้หมายถึงการเป็นคนรวยที่เอาแต่ดื่มแชมเปญตลอดทั้งวันนะ แต่หมายถึงการได้เป็นผู้ชายที่นักเรียนและวัยรุ่นมาขอคำแนะนำเพราะผมยังคง "เจ๋ง" ในสายตาของพวกเขา!
ผมอยากแนะนำว่าพวกเขาควรจะไปที่ไหนตอนพวกเขาบอกว่าอยากเดินทาง และต้องไปชิมอาหารแบบไหนบ้างตอนพวกเขาเดินทางไปถึงที่นั่น
พวกเขาจะมองผม โดยคาดหวังว่าผมยังเฉลียวฉลาด ชอบสร้างความบันเทิงให้แก่คนอื่น และสนุกสนาน
หลังเกษียณ ผมไม่อยากหมกมุ่นอยู่กับประสบการณ์ที่ตัวเองสั่งสมมา ในทางกลับกัน ผมอยากจะไปค้นพบและสัมผัสสิ่งใหม่ ๆ จนกว่าเวลาจะหมดลง
ผมแค่อยากจะสัมผัสกับประสบการณ์ที่หลากหลายไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะตาย สำหรับผมแล้ว เท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ

อีกอย่างหนึ่ง ผมยังอยากสร้างความประทับใจให้แก่ผู้คนด้วย
อาคารต่าง ๆ พูดไม่ได้ พวกมันก็เลยมีข้อจำกัดในการสื่อความหมาย ดังนั้น ผมก็เลยอยากทำในสิ่งที่คนอื่นรู้สึกว่าใกล้ตัวและส่งผลต่อพวกเขาโดยตรง ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม ตัวอย่างเช่น ภาพยนตร์หรือเพลง
อาจเป็นซีดีเพลงแจ๊สหรือไม่ก็หนังสั้น ผมก็ยังไม่ตัดสินใจนะครับว่าจะทำมันยังไง แต่ผมคิดว่า ถ้าผมทำอะไรแบบนี้ได้ มันคงจะเป็นประสบการณ์ที่เติมเต็มชีวิตผมได้มากเลยสัมภาษณ์: สิงหาคม 2014

Guest Select John Dillinger

  • John Dillinger/OE2571

ผมสายตาไม่ดี ดังนั้นแว่นตาก็เลยกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผมไปโดยปริยาย แว่นตาเป็นของสิ่งแรกที่ผมเลือกมาแต่งตัว โดยผมจะเลือกแว่นตาตามอารมณ์ในแต่ละวัน แล้วก็ค่อยจับคู่เสื้อผ้าที่เข้ากับแว่นตา ผมมีแว่นตาและแว่นกันแดดเยอะมาก แต่ละอันทำจากวัสดุที่แตกต่างกัน สีและรูปทรงก็ต่างกัน แต่ผมกลับไม่เคยมีแว่นแบบนี้มาก่อนเลย มันสวมสบายมาก ถึงจะดูไดนามิกแต่ก็ให้ความรู้สึกย้อนยุคหน่อย ๆ กรอบยืดหยุ่นได้ดี ส่วนสีสันก็เข้ากับเสื้อผ้าผมได้พอดี ผมชอบมันมาก ๆ เลยครับ

รหัสสินค้า
OE2571
สี
C2 Havana
TOP

TOP